
หนึ่งในการขอสินเชื่อที่เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนเก็บออมและทำงานหนัก สิ่งนั้นก็คือการขอสินเชื่อบ้าน ทางออกสำหรับคนอยากมีบ้านแต่อาจจะไม่พร้อมลงด้วยเงินก้อน การทำเรื่องเพื่อขอสินเชื่อจากสถาบันทางการเงินหรือธนาคาร เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการขอสินเชื่อบ้านอย่างถูกกฎหมาย แลกมากับการจ่ายดอกเบี้ยซึ่งในส่วนนี้ผู้กู้เองสามารถพิจารณาเปรียบเทียบได้ด้วยตนเองว่าไหวที่ดอกเบี้ยอัตราเท่าไหร่ และที่นอกเหนือไปจากการทำเรื่องเพื่อขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านจากทางธนาคารแล้ว ระหว่างทางก่อนจะไปถึงจุดนั้นคือการเตรียมเอกสารต่างๆ เอาไว้ให้พร้อม แนะนำว่าเตรียมให้พร้อม เตรียมให้ครบ โอกาสที่จะทำได้ทุกๆ ขั้นตอนไปจนกว่าจะรู้ผลนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้เอกสารต่างๆ ที่ผู้กู้จะต้องเตรียมเพื่อขอสินเชื่อบ้านนั้นจะมีอะไรบ้าง แบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท บทความนี้มีความรู้ดีๆ มาฝาก
เอกสารประจำตัว
เริ่มต้นที่ตัวของผู้กู้ก่อนเป็นอันดับแรก เอกสารสำคัญลำดับต้นๆ ที่แนะนำให้เตรียมเอาไว้เพื่อใช้ขอสินเชื่อบ้าน ยังไงก็ต้องใช้แน่ๆ คือเอกสารประจำตัวทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสำเนาบัตรประชาชน บัตรข้าราชการ ทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล หรือถ้าหากมีคู่สมรสแนะนำว่าให้เตรียมสำเนาบัตรประชาชนของคู่สมรสเผื่อเอาไว้ด้วยก็จะทำให้ขั้นตอนการพิจารณาเร็วมากขึ้นไปอีกแน่นอน
เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเงิน
ถัดมาจากเอกสารประจำตัวหรือเอกสารส่วนบุคคลแล้ว เอกสารอีกหนึ่งประเภทที่สำคัญและจะขาดไปไม่ได้ในการทำเรื่องเพื่อขอสินเชื่อบ้านนั่นก็คือเอกสารทางด้านการเงินทั้งหลายที่จำเป็นจะต้องเตรียมเอาไว้เพื่อใช้ยืนยันตัวตนกับทางธนาคาร หากคุณเป็นหนักงานประจำก็แนะนำว่าให้เตรียมเอกสารทางการเงินต่างๆ อย่างเช่นใบรับรองเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือนย้อนหลังอย่างน้อย 3-6 เดือน และรายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) ย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน ส่วนผู้ที่เป็นฟรีแลนซ์หรือประกอบอาชีพอิสระก็แนะนำว่าให้เตรียมเอกสารทางการเงินให้ดีเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นรายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) ย้อนหลังอย่างน้อย 12 เดือน หากประกอบธุรกิจส่วนตัวแนะนำให้เตรียมสำเนาจดทะเบียนทางการค้า หนังสือจดทะเบียนบริษัท รูปถ่ายกิจการ ฯลฯ เพื่อเป็นการยืนยันการประกอบธุรกิจและการประกอบอาชีพว่ามีอยู่จริง
จากเอกสารที่แนะนำให้เตรียมเพื่อการขอสินเชื่อบ้านในข้างต้น เมื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาสินเชื่อจริงๆ แล้วในบางเคสธนาคารอาจมีการเรียกหรือขอดูเอกสารอื่นๆ เพิ่มเติม หรืออาจจะไม่เรียกเลยก็ได้ อย่างไรก็ตามแนะนำให้เตรียมเผื่อเอาไว้จะดีกว่า เหลือดีกว่าขาด เพื่อให้การพิจารณาปล่อยกู้เป็นไปได้ง่ายมากขึ้นและจบในครั้งเดียว อีกทั้งต้องอย่าลืมว่าผู้กู้ในแต่ละคนมีปัจจัยประกอบที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่แน่ๆ คือธนาคารจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้เป็นหลักนั่นเอง